ชื่อสมุนไพรตะไคร้
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cymbopogon citrates (DC.) Stapf
วงศ์ Graminae
ชื่อท้องถิ่น ไคร (ภาคใต้) จะไคร (ภาคเหนือ) คาหอม (แม่ฮ่องสอน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cymbopogon citrates (DC.) Stapf
วงศ์ Graminae
ชื่อท้องถิ่น ไคร (ภาคใต้) จะไคร (ภาคเหนือ) คาหอม (แม่ฮ่องสอน)
เชิดเกรย ,เหลอะเกรย(เขมร-สุรินทร์), ห่อวอตะโป่(กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
เป็นพืชที่มีอายุหลายปี ลำต้นรวมกันเป็นกอ ใบยาวเรียวปลายแหลมสีเขียวใบไม้ออกเทา มีกลิ่นหอม ดอกออกเป็นช่อยาวมีดอกเล็กฝอยเป็นจำนวนมาก
การปลูก
ปลูกโดยการเอาต้นเหง้าปักชำเอาไว้ โดยตัดใบออกให้เหลือตอนโคน ยาวพอสมควร ตะไคร้ชอบดินร่วนซุย เจริญงอกงามได้ในดินแทบทุกชนิด
ส่วนที่ใช้เป็นยา
ผล เก็บเหง้าและลำต้นแก่ รสและสรรพคุณ
ไทย กลิ่นหอม บำรุงธาตุ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ ขับลมในลำไส้ทำให้เจริญอาหารแก้กลิ่นคาวหรือดับกลิ่นคาวของปลา และเนื้อสัตว์ได้ดีมาก
วิธีใช้
เป็นพืชที่มีอายุหลายปี ลำต้นรวมกันเป็นกอ ใบยาวเรียวปลายแหลมสีเขียวใบไม้ออกเทา มีกลิ่นหอม ดอกออกเป็นช่อยาวมีดอกเล็กฝอยเป็นจำนวนมาก
การปลูก
ปลูกโดยการเอาต้นเหง้าปักชำเอาไว้ โดยตัดใบออกให้เหลือตอนโคน ยาวพอสมควร ตะไคร้ชอบดินร่วนซุย เจริญงอกงามได้ในดินแทบทุกชนิด
ส่วนที่ใช้เป็นยา
ผล เก็บเหง้าและลำต้นแก่ รสและสรรพคุณ
ไทย กลิ่นหอม บำรุงธาตุ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ ขับลมในลำไส้ทำให้เจริญอาหารแก้กลิ่นคาวหรือดับกลิ่นคาวของปลา และเนื้อสัตว์ได้ดีมาก
วิธีใช้
ตะไคร้เป็นยารักษาอาการต่าตะไคร้เป็นยางๆดังนี้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด ใช้ลำต้นแก่สดๆทุบพบแหลกประมาณ 1 กำมือต้มน้ำดื่มหรือประกอบเป็นอาหารอาการขับเบา ผู้ที่ปัสสาวะขัด ไม่คล่อง (แต่ต้องไม่มีอาการบวม) ใช้ตะไร้แก่สดต้มดื่มวันละ 3 ครั้งๆ ละ 1 ถ้วยชาก่อนอาหาร หรือใช้เหง้าแก่ที่อยู่ใต้ดินหั่นฝานเป็นแว่นบางๆคั่วไฟอ่อนๆพอเหลืองชงเป็นยาดื่มวันละ 3 ครั้งๆละ 1 ถ้วยชาแก้หวัด ใช้ตะไคร้ 1 ต้น หั่นเป็นแว่นๆและขิงสด 5-6 แว่นใส่น้ำ 3-4 แก้ว ต้มจนเดือดทิ้งไว้ให้อุ่นดื่มครั้งละ 1/2-1 แก้ว วันละ 3 เวลา หลังอาหาร